มาร์คัส แรชฟอร์ด

มาร์คัส แรชฟอร์ด จากดาวเด่นสู่ดาวดับ

มาร์คัส แรชฟอร์ด จากดาวเด่นสู่ดาวดับ

มาร์คัส แรชฟอร์ด จากดาวเด่นสู่ดาวดับ ถ้าจะให้นึกถึง นักเตะดาวรุ่งของปีศาจแดง แมน ยูไนเต็ด หนึ่งคน เชื่อว่าหลายๆคน คงต้องนึกถึงดาวเตะ ของทีมหนึ่งราย ที่ถูกพลักดันขึ้นมา จาก Acadamy ของสโมสร 

เมื่อประมาณ หกเจ็ดปีที่แล้ว นักเตะคนนั้นคือ มาร์คัส แร ช ฟ อ ร์ ด เชื้อชาติ อังกฤษศูนย์หน้าหมายเลข 10 ของทีมชุดปัจจุบัน แรชฟอร์ด ถือเป็นดาวรุ่ง พุ่งแรงสุดๆ 

ในยุคสมัยที่ หลุยส์ ฟานกัล ยังเป็นนายใหญ่ ในถิ่นโอลด์แทฟฟอร์ดแรชฟอร์ด ถือว่ามีแววโดดเด่นสุดๆ ถ้าเทียบกับ บรรดาเหล่านักเตะ ในรุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นนักเตะมากพรสวรรค์ 

ไปดู รูปแรชฟอร์ดเท่ๆ กันสักหนึ่งรูป

มาร์คัส แรชฟอร์ด

ที่เติบโตมาในรั้ว Acadamy ของสโมสร แรชฟอร์ด โลดแล่นกับทีมชุดเยาวชน ของสโมสร เป็นเวลายาวนานกว่า 10 ปี จนในวัย 18 ปี ที่ถือเป็นย่างก้าวที่สำคัญ ของนักเตะวัยรุ่นรายนี้ 

เมื่อเจ้าตัวมีชื่อ ติดทีมชุดใหญ่ นัดลงทำศึกพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2015-2016 ในเกมส์ที่ ปีศาจแดง บุกเอาชนะ แตนอาละวาด วัตฟอร์ด 2-1 

โดยกุนซือ ผู้ที่ให้โอกาสเขา ได้มีโอกาสขึ้นมาแจ้งเกิด กับทีมชุดใหญ่ นันก็คือ หลุยส์ฟานกัล กุนซือชาวดัตด์ นั่นเอง

ประเดิมสนามในนามทีมชุดใหญ่ 

แรชฟอร์ด ได้มีโอกาส ลงประเดิมสนาม กับทีมชุดใหญ่ครั้งแรก ในศึกยูฟ่า ยูโรป้าลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย เมื่อปี 2016 นัดที่สอง ในเกมที่ถล่มเอาชนะ มิดทิลแลนด์ ยอดทีมจากเดนมาร์ก ไปได้ 5-1 

โดยได้ออกสตาร์ท เป็นตัวจริงทันที ในช่วงที่อองโตนี่ มาร์ซิยาล ศูนย์หน้าตัวจริงของทีม ในช่วงนั้น พักรักษาอาการบาดเจ็บ 

และแรชฟอร์ด ก็ไม่ปล่อย ให้โอกาสทอง ที่ได้รับหลุดลอยไป เมื่อเจ้าตัว จัดการซัดประตู ผู้มาเยือนไปถึง 2 ประตูในเกมนั้น โดยทำลายสถิติ ผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุด ที่สามารถ ทำประตูได้ ในเกมยุโรป

หลังจากนั้นเพียง 3 วัน แรชฟอร์ด ก็ได้รับโอกาส ลงสนามในศึกพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ทีม เปิดบ้านพบกับ ไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล

และรอชฟอร์ด ก็ไม่ทำให้ แฟนบอลผิดหวัง เมื่อจัดการยิง 2 ประตู ช่วยให้ทีมเปิดบ้าน เฉือนเอาชนะ อาร์เซน่อลไปได้ 3-2 พร้อมกับแจ้งเกิดเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ของวงการฟุตบอลอังกฤษ อย่างเต็มตัว 

และประตูที่ทำให้ เจ้าตัวได้รับการยอมรับมากขึ้น คือเกมที่ทีม บุกไปเอาชนะทีมเพื่อนบ้าน น่ารำคาญอย่าง เรือใบสีฟ้า ถึงถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ไปได้ 1-0 โดยเจ้าตัว เป็นผู้ยิงประตูชัยในเกมนั้น

ด้วยวัยเพียง 18 ปี เจ้าตัวซัดไปได้ทั้งหมด 5 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์ในซีซั่นนั้น ซึ่งถือว่าน่าพอใจ กับผลงานในฤดูกาลแรกของเจ้าตัว และกลายเป็นผู้เล่นตัวหลักในแนวรุกของทีม 

โดยในฤดูกาล 2017-2018 แรชฟอร์ดจัดการไปถึง 17 ประตู จากการลงสนาม 37 นัด จนมีชื่อเป็นหนึ่งในขุนผลสิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษ ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย

มาร์คัส แรชฟอร์ด จากดาวเด่นสู่ดาวดับ ก้าวขึ้นสู่ทีมชาติอังกฤษ ได้อย่างไร

มาร์คัส แรชฟอร์ด หายไปไหน ย้อนไปก่อนหน้านั้น แรชฟอร์ด รับใช้ทีมชาติอังกฤษ มาเกือบครบทุกรุ่น เริ่มตั้งแต่ชุดเยาวชน U16 U18 U20 และ U21กระทั่ง หลังจากที่เจ้าตัว ระเบิดฟอร์มในฤดูกาล 2015/2016 ทำให้แรชฟอร์ด ถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ เป็นครั้งแรก ในปี 2016 

ในยุคสมัยของ รอยฮอดสัน ในเกมอุ่นเครื่อง เอาชนะทีมชาติ ออสเตรเลีย ไป 2-1 โดยใช้เวลา ที่ได้โอกาสลงสนามเพียง 3 นาที แรชฟอร์ด ก็สามารถยิงประตูแรก ในนามทีมชาติชุดใหญ่ได้ทันที 

กลายเป็นนักเตะ ที่อายุน้อยที่สุด ที่สามารถทำประตูได้ ในนามทีมชาติ ด้วยวัยเพียง 18 ปี เท่านั้น

หลังจากนั้น มาคัส รัทฟอร์ด ก็มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษ ชุดลุยศึก ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปปี 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศษ และมีโอกาศ ได้ประเดิมสนามในศึกยูโร 2016 ในฐานะตัวสำรอง ในเกมที่ ทีมชาติอังกฤษ พลิกแซงเอาชนะ เวลล์ ไป 2-1 ในรอบแบ่งกลุ่ม 

และกลายเป็นนักเตะอังกฤษ ที่อายุน้อยที่สุด ที่ได้ลงเล่นในศึกยูโร ด้วยวัย 18 ปี ทำลายสถิติของ เวย์น รูนี่ ที่ทำไว้ในศึกยูโร 2004 ที่โปรตุเกศ ไปเพียง 4 วันเท่านั้น

จากนั้นเจ้าตัว ก็มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษเรื่อยมา และยังอยู่ในชุดคว้าอันดับ 4 ศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียอีกด้วย แม้จะยิงประตูไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว ตลอดทัวร์นาเม้นต์

ปัจจุบันก็ยังคง เป็นกำลังหลักของทัพ สิงโตคำราม โดยเจ้าตัวถูกเรียกติดทีมชาติไปแล้ว 40 นัดและทำไปได้ทั้งหมด 11 ประตู

เกิดอะไรขึ้นกับ แรชฟอร์ด 1999 – 2022 เมื่อทำให้ฟอร์มการเล่นของเขาไม่เหมือนเดิม

มาร์คัส แรชฟอร์ด

มาร์คัส แร ช ฟ อ ร์ ด ไป ไหน เหตุใดอดีตดาวรุ่งรายนี้ ถึงมีฟอร์มย่ำแย่อย่างหนัก กับปีศาจแดงในช่วงหลัง จะเรียกได้ว่า แรชฟอร์ดนั้น อยู่ในฟอร์มที่ย่ำแย่ มาหลายปีแล้ว 

ให้ย้อนกลับไป ตั้งแต่ในยุคของ มูริญโย่ จนถึงระยะเวลา 3 ปี กับโอเล่ กุลนาโซลชา เมื่อความปราดเปรียว และความเฉียบขาด ในการสังหารประตู ของเขาหายไป 

ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ความมั่นใจของเขาหายไปอย่างมาก อาจเกิดจากความไม่แน่นอน ในแผนการเล่นของทีมก็ส่วนหนึ่ง รวมถึงกุนซือแต่ละคน ที่เข้ามาทำหน้าที่ 

ไม่เคยมีความชัดเจน ว่าจะกำหนดให้เจ้าตัวนั้น ลงเล่นในตำแหน่งไหนกันแน่ แม้กระทั่งกุนซือคนปัจจุบัน อย่าง ราฟรังนิค ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ แรชฟอร์ดนั้น มีฟอร์มการเล่นที่เลวร้ายที่สุด 

ด้งนั้นเมื่อกุนซือคนใหม่อย่าง เอริก เทนฮาก เข้ามา มาร์คัส แรชฟอร์ด แฟน บอลก็ต้องรอดูกันว่า จะสามารถทำให้ แรชฟอร์ดคนเดิม กลับมาได้หรือไม่

ท่านสามารถติดตาม บทความกีฬาที่น่าสนใจ ได้ทุกวันที่นี่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Previous post ข่าวบอล การแข่งขัน ฟุตบอลโลก 1994 ที่ สหรัฐอเมริกา
มาเน่ลาหงส์ Next post มาเน่ลาหงส์ แข้งชั้นสตาร์มีการซื้อตัวจากทางสโมสรบิ๊กของประเทศเยอรมนี